มุมมองสดใสของคนรักดอกไม้ประดิษฐ์จากดิน

พรสวรรค์หรือจะสู้ความมานะ ให้โอกาสตัวเองได้ลองทำ แล้วคุณจะรู้ว่า คุณเองก็ทำได้

ผู้เขียนเชื่อว่าไม่ยากเกินความพยายามสำหรับคนที่มีใจรักและต้องการฝึกฝน ทุกคนอาจทำงานฝีมือออกมาได้ไม่เหมือนกัน อาจใกล้เคียงกัน อาจดูดีทีเดียว หรืออาจแค่พอดูได้ให้ชื่นใจ  แต่ก็ต้องผ่านประสบการณ์ลองผิดลองถูกกันมาพอสมควร  ประสบการณ์อันมีทั้งเคยผิดพลาด และที่ปรับปรุงแก้ไขแล้ว นำมาแบ่งปันกันเพื่อเปิดโอกาสให้คนที่ไม่รู้และประสงค์จะเรียนรู้ได้พอยึดเป็นแนวทางไปพัฒนาฝีมือของตนเองต่อไป  มีโอกาสก็นำประสบการณ์มาแบ่งปันกันอย่างเต็มใจ ก็เป็นอะไรที่น่าจะสร้างประโยชน์ให้สังคมได้ไม่มากก็น้อย  บางคนสามารถนำการฝึกฝนทั้งหลายแหล่ไปสร้างอาชีพ ก่อเกิดรายได้ ภูมิใจในความสามารถของตัวเอง  เห็นคนมีรอยยิ้ม ใครบ้างจะไม่มีความสุข จริงไหม ผู้เขียนไม่ใช่ครูสอนศิลปะการประดิษฐ์ดอกไม้ดิน ผู้เขียนไม่ใช่ผู้ชำนาญในทุกๆแบบของดอกไม้ดิน ผู้เขียนเพียงแต่บอกเล่าการทำที่อาจมีส่วนเป็นประโยชน์ต่อท่านที่ยังต้องการบางมุมที่ไม่เคยได้ยินได้ฟังที่ไหน แต่ก็เข้าใจในเคล็ดลับวิชาชีพที่บางคนเขาต้องหวงแหนไว้ ผู้เขียนไม่หวงวิชา  เคยสอนฟรีและมอบอุปกรณ์เครื่องมือให้คนว่างงานอยากนำไปทำอาชีพเสริมก็ทำมาแล้ว  ผู้เขียนไม่ร่ำรวยเงินทองพอที่จะแจกจ่ายทุนใครเปล่าๆได้ทุกราย แต่ให้ประสบการณ์ นั้นให้ได้ … ทุกภาพที่มาจากฝีมือผู้เขียนในนี้  แม้จะติดชื่อบล็อกไปบ้าง แต่ไม่ได้หวงเป็นลิขสิทธิ์อะไรแต่อย่างใด  บอกกันไว้ตรงนี้เลยค่ะ บางแบบฝีมือยังอ่อนหัดด้วยซ้ำ แต่การได้ถ่ายทอดทั้งตัวอย่างที่ดูดีและยังต้องปรับปรุงก็น่าจะเป็นแนวทางพัฒนาต่อไปได้ ก็เหมือนช่างปั้นหม้อดิน ใบแรกๆในชีวิตจะออกมาสมบูรณ์เลยได้อย่างไร จริงไหม ขออภัยบางท่านที่ต้องการข้อมูลแล้ว เมื่อมาเยี่ยมเยียนในนี้กลับผิดหวังเพราะอาจขาดหายบางสิ่งที่ท่านอยากรู้  ความล่าช้า  ขาดความละเอียดของวิธีการบางอย่าง ก็อภัยกันเพราะผู้เขียนไม่ใช่มืออาชีพ  และเมื่อมีเวลาบ้างก็จะทยอยเล่าสู่กันฟัง

รองเท้านารีเหลืองกระบี่

รองเท้านารีเหลืองกระบี่

กล้วยไม้รองเท้านารีเหลืองกระบี่ งานปั้นจากสองมือ

lady’s slipper

ธรรมชาติในดอกไม้ชนิดเดียวกันยังออกมาหน้าตาต่างกันไปบ้าง งานทำมือก็ไม่ต่างกัน ลวดลายหรือเนื้องานก็ต้องมีผิดแผกแตกต่าง ให้ดูรู้ว่าไม่ใช่ดอกเดียวกัน บางทีเสน่ห์ของงานทำมือทุกชนิดก็จะอยู่ตรงนี้แหละ ไม่เหมือนอุตสาหกรรมพลาสติกที่ปั๊มบล็อคเดียวอย่างเดียวและใช้เวลาทำน้อยกว่างานทำมือเพราะไม่ต้องใส่ใจสร้างในรายละเอียดขึ้นมามากนัก สำเร็จรูปมาแล้วนี่

กระเปาะเป็นส่วนที่ทำยากที่สุด

การทำงานออกมาให้สวยไม่สวยนั้นสิ่งหนึ่งที่จะเรียกว่าแค่พิมพ์ดีมีชัยไปกว่าครึ่งเห็นจะถูกต้อง ถ้าได้พิมพ์ที่ตัดมาอย่างสมสัดส่วนดี เวลาทำดอกออกมาก็จะได้รูปทรงสวย แต่บางทีถ้าได้มาไม่ค่อยเข้าที่นักแต่สามารถใช้เทคนิคสองมือเราแก้ไขดัดแปลงก็ทำออกมาดูดีได้เช่นกัน กระเปาะรองเท้านารี ทำยากเพราะเป็นกระเปาะที่ตัดด้วยพิมพ์ไม่ใช่การคลึงตุ้มขึ้นมา อันนั้นสำหรับดอกเล็กๆ แต่ถ้าดอกไซร์ใกล้ความจริงจะตัดด้วยพิมพ์แล้วนำมาประกบกันให้เป็นชิ้นเดียวเป็นรูปเหมือนถุงขึ้นมา คลึงปิดรอยต่อให้เนียนด้วยเหล็กตุ้ม จัดทรงปากกระเปาะให้เหมือนของจริงว่าเป็นอย่างไร แล้วตากในภาชนะที่เหมาะแก่การช่วยประคับประคองรูปทรงไว้ ซึ่งไม่เหลือบ่ากว่าแรงที่แต่ละท่านจะดัดแปลงตามวิธีการของตนเอง

การทำใบรองเท้านารีเหลืองกระบี่

การทำใบไม่ว่าจะเป็นกล้วยไม้อื่นๆ หรือแม้แต่รองเท้านารีเหลืองกระบี่ บางครั้งก็ใช้วิธีดามลวดที่ด้านหลังสันกลางใบ แต่บางครั้งก็ใช้เสียบลวดเข้าไปในเนื้อดินกลางใบ ต้องใจเย็นๆเสียบและเสียบตอนดินหมาดบ้างแล้วไม่ใช่ตอนยังตากใหม่ๆเพราะถ้าผิวนอกของใบมีความแห้งหมาดระดับหนึ่งพอเราเสียบลวดมันจะประคองเส้นลวดให้ไม่โผล่ทิ่มออกมานอกใบ ในที่นี้เสียบแค่ไม่ถึงครึ่งใบพอ แล้วตากด้วยวัสดุผึ่งที่มีรูปทรงให้ใบที่ตากมีความงอนโค้งได้

รองเท้านารีคางกบ

รองเท้านารีคางกบ

กล้วยไม้ดินตระกูลรองเท้านารี อันที่จริงกระเปาะคางกบจะออกแหลมกว่านี้สักหน่อย สงสัยกบนี้กินจุไปหน่อย

ฝักรองเท้านารี

ฝักและบางส่วนของกลีบดอกจะมีขนอ่อน บางคนไม่อยากทำตรงส่วนนี้เพราะว่าวัสดุที่นำมาทำขนที่ว่านี้ คือ ผงกำมะหยี่ ซึ่งบางคนเป็นภูมิแพ้ก็จะไม่ทำ เพราะมันเข้าจมูกได้ กว่าจะนำมาโรยติดดอกไม้ได้ ต้องอยู่ในห้องที่ลมไม่โบก และใจเย็นๆทำ บางคนก็เลยไม่ทำซะเลยถ้าไม่จำเป็นเพราะกลัวเรื่องละอองเข้าจมูก

ดอกแรกแย้มรองเท้านารี

ก่อนท้องฟ้าจะสดใส …ก่อนดอกไม้จะผลิบาน ดอกแรกแย้มสงบเสงี่ยมเจียมตัว เตรียมพร้อมจะเฉิดฉายกรายกลีบรอรับรุ่งอรุณ เธอจะโดดเด่นเป็นสง่าผิดกับเมื่อยามเก็บตัวเชียวหละ และแล้วก็วนเข้าเรื่องสัจธรรมจนได้  เมื่อมี เกิด  แก่  เจ็บ  ตาย ดอกไม้ก็มี  ออกดอกตูมจนเริ่มแย้มแล้วเบ่งบานสดสวยอยู่ช่วงระยะเวลานึงแล้วก็อับเฉาโรยราสิ้นสลายมลายไปกับกาลเวลากลับสู่ธาตุดินอย่างเก่า

แคทลียา

กล้วยไม้แคทลียา

ราชินีแห่งกล้วยไม้ต้องยกให้แคทลียา ถ้าเปรียบหญิงงามที่งามเพียบพร้อมทั้งสวยหวานมีเสน่ห์ ก็เปรียบดั่งแคทลียา

ราชินีแห่งกล้วยไม้ แคทลียา

เธองามอย่างเลอค่า นานทีปีหนจะได้เห็นความงามของเธอผุดผาดบานสง่า ในดงกล้วยไม้ แค่ดอกเดียวขนาดฝ่ามือก็น่าชื่นชมแล้ว สีขาว-ม่วง ก็เห็นได้บ่อย

แคทลียา ดอกกลาง

เหลืองเข้มในดอกกลาง ก็สะดุดตาเวลาอยู่ในดงใบเขียวๆ เลยให้อยู่กับฉากหลังเขียวๆซะเลย

แคทลียา ดอกกลาง

ในบรรดาแคทลียาที่ขายกันจะเห็นไซร์นี้มากสุด แต่ตัวเองจะชอบไซร์ใหญ่ๆทั้งหมดไม่ว่าดอกอะไร ชอบไม่ค่อยเหมือนใคร สีแปลกๆยิ่งชอบจับมาปั้นจัง…ฤาว่าชอบของแปลก

แคทลียา ดอกกลาง

ดูดอกไม้ดูหน้าดอกกันเป็นส่วนใหญ่ ลองมุมมองด้านหลังบ้างจะเป็นไง แอบซ่อนอะไรไว้เปล่า

แคทลียา

แรกเริ่มอ่อนหัด ไม่ค่อยเหมือนเท่าไหร่ ออกมาเป็นรูปเป็นร่างก็พอชื่นใจได้บ้าง ทั้งใบทั้งดอกชุ่มฉ่ำเชียว ไม่ได้ผ่านฝนหรอกแต่สีน้ำมันยังไม่แห้งนั่นเอง

แวนด้า

ฟ้ามุ่ยใหญ่

กล้วยไม้สีม่วงมหาเสน่ห์ โดดเด่นเมื่อเห็นดอกพวงโต

แวนด้า

งานชิ้นแรกๆอาจจะยังไม่ฝีมือนัก ใจจริงอยากให้อยู่กับขอนไม้จะเข้ากันมากกว่า  พูดถึงดอกกล้วยไม้ทีไร ชอบๆ อยากเดินในดงกล้วยไม้ทั้งวัน

ล้วงลึกถึงก้านดอกและซอกใบ

กว่าจะปั้นดอกอะไรสักต้น ถ้าไม่คอยซูมภาพมาดูชัดๆ บางทีถึงกับต้องซื้อดอกจริงมาทำตามกันเลยทีเดียว แต่จะไม่เลียนแบบจากของทำมือแต่ละคนเพราะจะไม่เหมือนกันจึงควรเลียนจากธรรมชาติจริงๆเท่านั้นถึงจะถูก

ด้านบนของดอกตูมแวนด้าฟ้ามุ่ย

ดอกตูมที่ยังไม่บาน ตามร้านเขามีขายบล็อคให้เราทำสะดวกแค่นำิดินกดพิมพ์แล้วก็ตกแต่งมิติเล็กน้อยเอาเองโดยดูดอกจริงๆไปแล้วก็ตกแต่งให้ใกล้เคียง

ก้านของดอกเป็นริ้วๆ

ก้านของดอกจะมีลักษณะเป็นริ้วๆ บางท่านมีเวลาก็จะจัดสรรตรงนี้สักหน่อย แต่บางท่านไม่มีเวลาเพราะเป็นการทำขายส่งจำนวนมากที่ต้องประหยัดเวลาก็ไม่ต้องทำเป็นริ้ว

สาวน้อยเริงระบำ

สาวน้อยเริงระบำ

กล้วยไม้แห่งความร่าเริง ใครหนอช่างตั้งชื่อ สาวน้อยเริงระบำ หรือ สาวน้อยเต้นระบำ ดูดูไปก็เหมือนสาวเล็กสาวใหญ่ พากันออกมาพลิ้วชายกระโปรงกันรอบทิศ จินตนาการไปนั่น^_^

ไม่มีเวลาถ่ายภาพตอนทำให้เลย บางท่านอยากทราบวิธีทำซูมภาพใหญ่ๆประกอบการทำไปก่อนนะคะ โอกาสหน้ามีเวลาจะลองบันทึกภาพดู ไม่ต้องพลิ้วกลีบดอกมากก็ได้ค่ะ แต่ในรูปนี้พลิ้วเพลินไปหน่อยชอบเห็นย้วยๆ ดูเหมือนกระโปรงดีค่ะ อิอิ จริงๆแล้ววิธีทำของแต่ละเจ้าก็ไม่ต่างกันนัก อยู่ที่ใครจะให้รายละเอียดมากน้อยกว่ากัน สู้เราเอาดอกจริงๆมาดูเป็นแบบไม่ก็ซูมภาพดอกจริงมาสังเกตุ แล้วปั้นตามทักษะที่เราพอมีให้ออกมาใกล้เคียงก็ภูมิใจเราแล้วค่ะ แล้วประสบการณ์ครั้งแรกๆบวกการสังเกตุกับการพัฒนาด้วยตัวท่านเอง ก็จะทำให้งานของท่านสมบูรณ์แบบในสักวัน เอาใจช่วยนะคะ

ดอกมัม

ดอกมัม

ใครหนอเป็นผู้กำหนดความหมายของดอกไม้ชนิดต่างๆ ถ้าฉันจะกำหนดให้ดอกมัมสีขาวแทนความเปิดเผยจริงใจระหว่างมิตร จะได้ไหม นะนะ

ดอกมัมหรือเนี่ย ทำไม…

มัมที่ทำดอกแรกเลย จะเห็นว่าถ้าไม่ผ่านการลองผิดลองถูกก็จะไม่เกิดการพัฒนา  สังเกตุดอกขวามือใจกลางดอกยุบตัวจากการเสียบกลีบดอก ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น มันทำให้ทรงดอกดูเละเทะไม่ได้ทรงยิ่งต้องการเสียบกลีบซ้อนมากเท่าไหร่ยิ่งเละ เพราะอะไรเดี๋ยวเฉลยภาพมัมข้างล่างมีคำตอบ

ทำดอกมัมอย่างไร

จากดอกมัมแรกสีชมพูนั่น ทรงดอกไม่ได้รูป เพราะเริ่มตั้งแต่ใจกลางเกสรแล้วที่ยังแห้งไม่ได้จังหวะพอดีก็ไปเสียบกลีบดอกที่ไ่ม่ได้เสริมลวดเส้นเล็กที่ปลาย ครั้นจะรอให้แห้งมากกว่านั้นพอจะเสียบกลีบดอกก็เสียบไม่ค่อยเข้าแล้ว กว่าจะเสียบครบหลายๆกลีบ บีบเกสรบุบบี้ไปหมด 555 เท่านั้นไม่พอกลีบยังจะบานจนเหมือนจะร่วงเพราะรับน้ำหนักไม่ไหวเมื่อเสียบตอนเกสรไม่หมาดพอ พารวบดอกลู่เข้าไปอีก ไปกันใหญ่ อิอิ

ก็เลยมีการพัฒนาขึ้นในดอกมัมชุดต่อมา สีขาวที่เห็น ใจกลางเกสรใช้ิดินที่กดด้วยมุ้งลวดพอเป็นลายมาหุ้มโฟมที่เหลาขึ้นเองหนาประมาณ 4 มม. กลมแบน และที่โคนกลีบดอกมัมทุกกลีบเสริมด้วยลวดเส้นเล็กๆ บีบๆปลายทากาวนิดนึงพอให้ติดลวดยื่นออกมาสักไม่เกินครึ่งเซ็น เวลาเสียบก็ให้ไล่จากกลีบเล็กสุดอยู่ในสุดบนสุด อย่าเสียบบานเกินไปกลีบในๆให้องศาตั้งขึ้นมาหน่อย สับหว่างกลีบที่ขนาดใหญ่ขึ้นมาเรื่อยๆ ดูจากรูปดอกจริงๆก็ได้ แต่ไม่ต้องจำนวนถี่มากเหมือนธรรมชาติเพราะยังไงปั้นมือก็สู้ธรรมชาิติที่รังสรรค์มาแล้วไม่ได้อยู่ดี แค่ให้พอเลียนแบบแล้วดูคล้ายก็ชื่นใจแล้วใช่ไหมฝีมือแห่งความพยายามที่เสียเวลาหน่อยแต่ ได้ดอกสุขภาพดีไม่เหมือนดอกแรกๆนั่่น

ลิลลี่

ลิลลี่สีแปลกไม่ค่อยมีขาย

ลิลลี่ ดอกไม้ที่พบเห็นบ่อยเมื่อใครสักคนต้องการแสดงความยินดี ห่วงใย หรือใช้สานสัมพันธไมตรีต่อมิตร ลิลลี่ก็เป็นหนึ่งในดอกไม้โปรดของฉัน    จุ๊ๆๆ   อย่าเอ็ดไป ลองดมที่ปลายดอกตูมลิลลี่ฝีมือฉันมีกลิ่นหอมซ่อนในนั้นด้วย เรื่องจริงไม่ได้โม้ เป็นเทคนิค

ลิลลี่บานฉ่ำ

ดอกแย้มเีพียงชั่วราตรีพรุ่งนี้ก็บานสพรั่งสามวันก็บานฉ่ำ ว่าแต่…ดอกไม้ดินปั้นบานข้ามปีไม่มีเฉา

ขั้นตอนการเกิดและสูญสลาย

ภาพนี้ขอยืมฟ้ามุ่ยมาเป็นแบบแทน จริงๆฟ้ามุ่ยไม่ต้องพันด้ายก้านกลีบดอกกับก้านช่อเพราะน้ำหนักดอกไม่หนักมาก แต่ลิลลี่ดอกใหญ่จะหนัก ต้องพันลักษณะนี้ไว้ก่อน จัดมุมจัดทรงให้ดี แล้วหยอดกาวร้อนเคลือบติดแน่น ก่อนจะนำดินที่เตรียมไ้ว้สำหรับพอกลำต้นให้มีลักษณะเนื้อดินนุ่มๆหน่อยมาพอกขึ้นลำ โปะดินให้ได้สัดส่วน บีบคลึงให้ได้รูปที่สวยงามด้วยการโปะแล้วยืดดินให้ยาวเป็นลำ ระหว่างนั้นก็ใช้น้ำสะอาดลูบช่วยบ้างเพื่อความเนียน โดยเฉพาะรอยต่อก้านดอกทำให้เนียนๆ

ความลับภายในกว่าจะมาเป็นดอกไม้สักช่อ บางทีดูภายนอกก็ไม่รู้ว่าข้างในมีอะไร บางแบบก็ดูรู้  ดอกยิ่งใหญ่ยิ่งต้องซ่อนความมั่นคงแข็งแรงไว้ไม่ให้หักสลายง่าย บางคนทำเพื่อรูปลักษณ์ภายนอกออกมาดูดีได้ในระยะเวลาหนึ่ง และเมื่อถึงอายุงานก็จะหักสลายง่ายกว่า ดอกที่ซ่อนการทำที่มั่นคงไว้ไม่เพียงเพื่อปักๆให้เป็นต้นเป็นดอกขึ้นมา  ความยากอยู่ตรงนี้ก็ส่วนหนึ่ง  การเข้าช่อใหญ่ๆก็เหมือนบ้านที่ต้องลงเสาเข็ม หรือเทพื้นต้องมีตะแกรงเหล็กกันทรุด นี่ก็เช่นกันต้องพันด้ายเหนียวอย่างแน่นหนาในแต่ละดอก เคลือบกาว แล้วละเลงดินขึ้นลำเป็นต้นโดยต้องแข่งกับเวลาเพื่อความเนียนของเนื้องาน ใช้น้ำสะอาดช่วยลูบลำต้นให้ดินเนียนโดยเฉพาะช่วงรอยต่อระหว่างโคนก้านดอกกับลำต้น เพราะเราไม่ได้คลึงแบบเคลือบเป็นแท่งไว้ก่อนเพื่อเอาก้านดอกมาเสียบทีหลัง เพราะถ้าเวลาผ่านไปเมื่อดินเริ่มเสื่อมสภาพบ้างน้ำหนักดอกตรงนั้นจะทำให้ก้านฉีกออกมา จึงจำต้องมีขั้นตอนพันด้ายที่ก้านดอกช่วงติดกับลำต้นเพื่อให้แข็งแรงจึงคลึงลำต้นไว้ก่อนไม่ได้ ดังนั้นเวลาทำลำต้น ก็ต้องดัดลวดเส้นใหญ่ๆใส่ที่ปลายฐานเป็นสี่แฉกเพื่อช่วยตั้งลำต้นเวลาต้องพอกดินแข่งกับเวลาหรือถ้าหากเรามีฐานอะไรเสียบไว้อย่างมันคงเวลาทำต้นจะช่วยแบ่งเบาการประคับประคองได้มาก การเกิดก่อนเกิดหลังก็มีรูปแบบต่างกันไป ดอกตูมเล็กๆก็ต้องคู่กับใบเล็กๆ ไม่มีพิมพ์ตัดก็ต้องดัดแปลงเอา ถึงกับเหลาโฟมเซาะร่องดอกตูมใหญ่เองกันเลยเพื่อไล่ระดับสัดส่วนตามธรรมชาติ  ต้องทำบล็อคก้านกลีบดอกเองเพื่อกดลวดที่หุ้มดินแล้วเอามาดามกลีบดอกทั้งตูมและบาน ดัดมุมงองุ้มเข้ารูปทรงแบบธรรมชาติกันเลยทีเดียวดอกที่เพิ่งบานเกสรก็มีละออง ที่บานนานแล้วเตรียมจะร่วงโรยเกสรก็ร่วงโรยไป เกสรก็ปั้นเอาใหม่หมดไม่ซื้อสำเร็จรูป คนปั้นเป็นเห็นแล้วจะทราบเอง

สังเกตุดีดี ลิลลี่ที่นี่ไม่เหมือนใคร มือแต่ละคนก็ถนัดแต่ละแบบไม่เหมือนกัน แต่เท่าที่ดู ลิลลี่ที่นี่ไม่เหมือนใคร เอาไปซูมดูได้เลยค่ะ

ลีลาวดี

ลีลาวดีขาวพวง

ลีลาวดี หรือ Plumeria (มีชื่ออื่นอีกแต่ให้ท่านค้นหาในกูเกิ้ลสนุกๆดีกว่า) ดอกไม้ต้นกำเนิดจากต่างแดน ครั้งหนึ่งเคยไม่เป็นที่ยมปลูกไว้ในรั้วบ้าน แต่ปัจจุบันหลังจากมีการเปลี่ยนชื่อเรียกจาก ลั่นทม มาเป็น ลีลาวดี ความเชื่อก็เปลี่ยนไปเริ่มเห็นปลูกกันหลายรั้วบ้าน หรือแม้แต่เป็นดอกสัญญลักษณ์ของธุรกิจ สปา เพราะความน่ารัก สวยเรียบๆ และมีกลิ่นหอม ดูแล้วให้เกิดความรู้สึก สงบ เยือกเย็น

ลีลาวดี

ลีลาวดีสีขาวเห็นกันมากแล้ว ลองดูแบบเหลืองจัดๆสีไม่จืดกันบ้าง แล้ววันหลังจะเอาสีชมพูจัดๆมาบ้าง อยากรู้จังถ้ามีแบบสีฟ้าอมน้ำเงินจะออกมาหน้าตาอย่างไรหนอ

ฟาแลนนอปซิส

ฟาแลนลายปลาคราฟ

ฟาแลน ฟังเผินๆเหมือนอยู่ไกลแสนไกล กล้วยไม้แสนเสน่ห์อีกพันธุ์ที่พบเห็นบ่อย สีขาวบ้าง ชมพู บ้าง แต่ที่ไม่ค่อยเห็นก็ ฟาแลนลายปลาคราฟ มองเผินๆสีของด่างคล้ายลายปลาคราฟ อะไรที่ไม่ค่อยพบเห็นจับมาปั้นให้หมด

หนึ่งช่อของฟาแลน

เข้าช่อกล้วยไม้ต้องคำนวณน้ำหนักให้ดีว่าลวดที่ใช้ทำก้านช่อขนาดเหมาะสมหรือไม่ หนึ่งช่อก็มีไม่ต่ำกว่าสิบดอกความหนักบวกความพอดีของขนาดลวดเมื่อเวลาประกอบเป็นต้น ดัดงอรูปทรงตามต้องการแล้ว จะมีความทิ้งไหวที่ดูธรรมชาติยิ่งขึ้น ถ้าเลือกลวดใหญ่ไปเวลาทำออกมา ดัดองศาระหว่างช่องไฟแต่ละดอกก็ยากและดูทื่ออีกด้วย แต่ถ้าอ่อนไปก็ทำให้ช่อตก แต่เมื่อพอดีก้านช่อจะดูไม่ทื่อและเมื่อลมพัดผ่านเบาๆเขาจะมีการสั่นไหวเล็กน้อยเพลินตาดี

กว่าจะเป็นดอกไม้ได้สักดอก

ไม่มีของเลียนแบบใดจะสู้ของจากธรรมชาติได้แต่เพราะธรรมชาติเกิดขึ้นแล้วสูญสลายง่ายจึงต้องโคลนนิ่งขึ้นมาใหม่ ใส่ใจในรายละเอียดทั้งสีสันถึงจะสู้ธรรมชาติไม่ได้แต่ก็น่าจะใกล้เคียง

ช้างกระ

ช้างกระ

กล้วยไม้ช้างกระ หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Rhynchostylis gigantea เวลาออกดอกจะมีกลิ่นหอมด้วย มีหลายสี ขาวกระชมพู ม่วง แดง ส้ม แดงอมส้ม ชมพูอมแดง ออกดอกเป็นช่อพวงยาวเอนทิ้งดิ่งอัดกันแน่น  แต่ช้างกระทำมือช่อนี้สารอาหารน้อยไปหน่อยเลยดูห่างๆค่ะ อิอิ ช่อแรกก็งี้แหละผอมๆแกรนๆ

ซิมบิเดียม

ซิมบิเดียม

ซิมบิเดียมสีเหลืองสดๆ คงเพราะกลัววันเวลาพาจืดเลยใส่ซะสีสดเลย เป็นอีกหนึ่งกล้วยไม้ดินที่ชอบ ถ้าเห็นของจริงอยู่กันเป็นกอๆดอกสะพรั่งเลยจะซื้อหาก็หลักหลายร้อยได้แต่กลับมาทำเลียนแบบเอา พอไหวน่ะแม้จะยังอยากให้ดีกว่านี้ก็ตามที

ซิมบิเดียม

ซิมเอ๋ย ซิมบิเดียม ชมพูหวานช่อเล็ก หนึ่งในตระกูลกล้วยไม้ที่ชอบ.. อีกแล้วครับท่าน ของจริงทั้งกอหลายร้อยเชียวหละ ปั้นดอกปลอมดูแทนละกันจ้า ยังไม่ค่อยสวยเท่าไหร่

cymbidium handmade : ซิมบิเดียม ดินไทย

ซิมบิเดียมที่กะว่าตอนแรกจะปั้นแบบไม่เพิ่มรายละเอียดมาก เพราะเพื่อทดสอบเวลา

เมื่อต้องทำจำนวนมาก ไว้มีเวลาค่อยทำเลียนแบบให้ใกล้เคียงกว่านี้

ช่อนี้หยวนๆก็พอไปได้นะ อิอิ

ซิมบิเดียม ดินไทย ช่อเดียวกัน ต่างกล้อง ต่างมุม ต่างสีไปเลย อิอิ

^_^

handmade flower ซิมบิเดียม ดินไทย Thai clay cymbidium

ซิมบิเดียม ดินไทย เขียวอ่อน (เขียวอมเหลือง )

lime green cymbidium , yellowish green cymbidium

light lime green cymbidium , light yellow green cymbidium

สุดแท้แต่จะเรียก ประมาณว่าเขียวใบตองอ่อนละกัน

หรือถ้ามีสีอคริลิคที่พอใช้เพ้นท์สีปากได้ แห้งเร็วดีด้วยก็นำมาใช้ได้

อย่าลืมหยดน้ำเล็กน้อยในจานสีและใช้พู่กันแตะๆพอ

ละลายสีตัวนี้ไม่งั้นหนืดข้นป้ายยาก

การทำลิ้น เมื่อคลึงดินให้เรียวเหมือนลอดช่อง เวลาติดกาวที่กลางปากให้เน้นบีบดินให้

โค้งหลังเต่าสักหน่อย และดินควรนิ่มเล็กน้อยด้วยการผสมโลชั่นเพียงไม่ถึงหยด

เพื่อที่เวลาใช้เหล็กแหลมตัดกลางแยกเป็น2แฉกแล้ว ตอนใช้คีมคีบปากแหลมๆ

คีบๆดึงๆให้เกิดเนื้อฟูๆจะได้ทำได้ง่ายดินไม่หนึดจนทำลำบาก หรือบางคนอาจมีเทคนิค

ในการเสริมลวดใต้กลีบปากเพื่อดัดให้ลิ้นแอ่นช้อยเหมือนธรรมชาติ

ขั้นตอนการตากก็สำคัญนะ ควรรีดดินทำแบบทยอยทำ ถ้าทำชิ้นส่วนไว้ก่อนแบบเยอะๆ จะมีผลตอนดินแห้งไปทำให้ไม่ทันต่อการประกอบหรือจัดทรงที่งดงาม ผู้เขียนแบ่งทำทีละไม่กี่ดอกเสร็จเป็นดอกแล้วค่อยรีดทำชุดใหม่ต่อไป เพราะมีข้อดีตอนจะประกอบเป็นดอก จะยืด จะดัดจะคลึงอะไรยังพอแก้ไขได้ แต่ถ้าดินแห้งมากแล้วจะดัดยากดินหักได้ เวลาใช้วัสดุตากกลีบต่างๆ ก็ให้วางในแบบที่ประคับประคองรูปทรงไว้ด้วย แค่เทคนิคตรงนี้มีผลต่อความสวยของดอกด้วย นะเออ คนทำลืมตกแต่งบางขั้นตอน มาอีกที อ้าว!.. ดินแห้งซะแล้ว หน้าตาเลยออกมาทื่อๆหน่อยนะจ๊ะ  หุหุ  ไว้ทำเสร็จเป็นช่อแล้วค่อยเอามาลงให้ดูเด้อค่ะ ขี้เหร่เน๊เปล่านะ อิอิอิ

การปั้นดอกตูมซิมบิเดียม และการทำใบที่มีลักษณะเรียวยาวมากกว่าหนึ่งฟุต ตามสไตล์ตนเอง ไม่มีสูตรตายตัว ภาพนี้เป็นการทำให้กับซิมบิเดียมดอกไซร์ใหญ่สุดแล้ว ดอกตูมแบบหุ้มสำลี ตัดลวดเพื่อทำดอกตูมแล้วใช้คีมงอปลายลวดเป็นตะขอ นำกาวลาเท็กซ์มาทาที่หลังมือ จุ่มลวดตะขอกับกาวแล้วค่อยพันด้วยสำลีแบบเหมือนเขาทำสายไหม พันไปนิดนึงก็มาพันกับกาวทีนึงทำสลับไปเรื่อยๆจนเป็นรูปร่างคล้ายเม็ดแปะก๊วยดังในภาพ บางคนก็ใช้ตุ้มโฟมสำเร็จ รูปร่างแบบนี้ก็ได้

( ขอเวลานอกเด้อค่า  ดูภาพไปก่อนค่ะ ไว้ว่างมาต่อกันใหม่นะจ๊ะ)

การดามลวดหลังใบที่มีลักษณะยาวมาก

– วิธีลัดโดยไม่ต้องหุ้มดินถ้าไม่ชำนาญพอ แต่ใช้ฟลอร่าเทปแบบไม่ต้องพันลวด แทน ….

         * การทำใบของดอกไม้บางประเภท จำเป็นต้องมีการเสริมความแข็งแรง หรือป้องกันการหักของใบ  มีหลากหลายวิธีตามความเหมาะสมหรือสวยงามหรือเอาสะดวกพอดูงามมากกว่าให้เสมือนจริงซะเป๊ะๆ  ยกตัวอย่าง ใบของกล้วยไม้ประเภท แคทลียา  ถ้าเป็นขนาดเล็ก หรือความยาวของใบไม่เกินสัก 5 นิ้ว บางท่านอาจไม่ดามลวดที่หลังใบ โดยอาจรีดดินให้หนาขึ้นสักนิดเพื่อเวลาดินแห้งจะได้ตั้งทรงอยู่ได้ตามที่เราจัดแต่งไว้ก่อนแห้ง  แต่ก็จะได้ทรงไหนทรงนั้นไม่สามารถไปหักงอเพื่อให้เปลี่ยนองศาไปกว่าเดิมได้แล้ว แต่ถ้าหากมีการดามลวดและรีดดินไม่หนาเกินไปนักจะยังค่อยๆดัดองศาได้บ้างนิดหน่อย  ประสบการณ์ที่ได้ทำหลายๆแบบจะสอนเราเองว่า  ใบลักษณะไหนควรทำแบบใด

บางท่านต้องการให้เหมือนของจริงให้มากที่สุด ก็ไม่ใส่ลวดไว้ทั้งที่ใบมีความยาวหลายนิ้ว เมื่อถึงระยะเวลานึง ดินนั้นก็จะมีโอกาสชำรุดง่ายกว่า

บางท่านมีความพยายามที่จะใช้วิธีสอดลวดเข้ากลางเนื้อดิน ไม่อยากให้เห็นลวด ก็ต้องเรียนลองผิดลองถูกกันอีกว่า  รีดดินหนาแค่ไหนจึงเหมาะสมกับวิธีนี้  หรือสอดลวดจังหวะเวลาใดจึงจะพอดี  ใบไม้ที่ใหญ่หรือยาวมากจะใช้การสอดลวดเห็นทีคงลำบากมากจนอาจไม่คุ้มกับเวลาที่ไปทำอย่างอื่นจะได้ผลงานมากกว่า  หรือบางท่านใช้การรีดดินสองครั้งเพื่อประกบใบบนลวดแล้วตัดด้วยพิมพ์ ก็ยากพอสมควรสำหรับวิธีนี้ เพราะต้องไล่ฟองอากาศให้ดีและต้องรีดความหนาให้เหมาะสม มิเช่นนั้นก็จะเปลืองดินโดยที่ใบก็ดูเทอะทะผิดปกติอีกด้วย

บางท่านก็ใช้การดามลวดหลังใบนี่หละ แต่ตามแล้วก็ปกปิดลวดด้วยดินอีกเช่นกัน แต่ปกปิดด้วยการปะดินบางๆไปตามลำลวดแล้วกดๆบีบๆให้เป็นสัน ให้เนื้อดินกลืนกันกับใบ

บางท่านอาจไม่ดามหลังใบ กลับมาดามหน้าใบก็มีแล้วก็บีบกลางใบให้ประกบปิดลวดซะ

สุดท้าย  ที่เห็นกันมากที่สุดก็เห็นจะเป็นการคลึงดินหุ้มลวดแล้วเอามาดามหลังใบ เพราะไม่เปลืองเวลาและไม่เปลืองดินโดยใช่เหตุ  ถ้าทำชำนาญแล้วก็จะคลึงดินหุ้มลวดได้เนียนและบางพอที่จะไม่ดูเทอะทะ แม้จะดูรู้ว่าของปลอมแต่ก็สวยได้คล้ายของจริงเหมือนกัน  และการหุ้มลวดด้วยดินต้องอย่าลืมเคลือบกาวให้ลวดและผึ่งให้แห้ง ก่อนจะนำมาหุ้มนะคะ เพราะอะไร  ให้ลองเดาเป็นการบ้าน  แต่ว่าถ้าทำกับใบจะไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่  แต่เมื่อไหร่ที่การหุ้มลวดด้วยดินเพื่อทำชิ้นส่วนของกิ่งหรือก้านดอก จะเห็นปัญหาทันทีว่าดินร่อน หมุนได้รอบทิศ

สำหรับผู้เขียนเองเวลาเคลือบกาวให้ลวดแล้ว พอแห้งใหม่ๆก็เอาดินมาเคลือบลวดเลยไม่ต้องลงกาวอีกแล้ว เพราะเวลาเคลือบเสร็จแล้วตอนคลึงกับโต๊ะจะได้เนื้อบางและเนียนไม่เละเพราะกาวติดไปติดมากับโต๊ะค่ะ

อีกวิธี..บางท่านไม่คลึงอะไรกันละ เอาลวดที่พันฟลอร่าเทปสีเขียวสำเร็จรูป มาแปะเอาดื้อๆซะเลยง่ายดี  แลกกับความสะดวกแต่อาจได้สีไม่เนียนกลมกลืนกับใบ และโอกาสที่วันข้างหน้าสนิมลวดเกิดขึ้นได้ง่ายกว่าลวดที่หุ้มดินค่ะ

ทีนี้มาถึงวิธีของผู้เขียนเองที่เป็นทางเลือกที่เพิ่งลองใช้กับใบซิมบิเดียมที่มีลักษณะแคบและยาวมากกว่าใบของกล้วยไม้ชนิดไหน  อาจจะเคยมีผู้เคยทำมาก่อนหรือไม่ ผู้เขียนไม่ทราบได้ แต่ก็ไม่เคยมีสื่อการสอนไหนที่เคยบรรจุวิธีนี้ให้ค้นหาศึกษา  ผู้เขียนเองก็เคยลองวิธีอื่นแต่ก็ยังไม่สำเร็จเท่าที่ควร  ก็เลยพักยกขอเปลี่ยนเป็นทางลัดที่ไม่ใช้ดินหุ้มลวดดูบ้าง เพราะใบของซิมบิเดียมไซร์ใหญ่เกินฟุตนั้นทำลำบากจริงๆ ขอบอก เพราะถ้าดอกไซร์ใหญ่สุดจะใช้ใบแค่สั้นๆไม่เกินฟุตก็คงผิดความจริงไปหน่อย  จึงเป็นที่มาของการดามลวดหลังใบโดยใช้การแปะฟลอร่าเทปแทน

ปัญหาของลวดที่เล็กบางแต่ให้ได้ยาวตามพิมพ์ตัดนั้นก็เป็นอีกปัญหา  คือเวลาเราต้องใช้ลวดยาวมากตามขนาดใบ ทางร้านจำหน่ายลวดกลับมีไชร์ลวดที่ใหญ่ขึ้นจนดูทื่อไม่พอหากหุ้มดินเข้าไปแล้วคงเทอะทะน่าดู  ครั้นมีไซร์เล็กลงก็จริงแต่ความยาวกับไม่ได้ตามต้องการ ก็เลยจำต้องใช้ลวดที่ใหญ่ขึ้นแต่ยาวได้ตามต้องการ และเป็นสีขาวด้วยเพื่อที่เวลาใช้ฟลอร่าเทปปิดลวดแล้วสีจะกลมกลืนกับใบมากกว่าใช้ลวดสีเขียวเพราะสีเขียวที่พันมากับลวดแล้วมักไม่ค่อยกลมกลืนกับใบอ่ะนะ คือมันออกเขียวปี๋ๆอ่ะค่ะจากภาพบนจะเห็นข้อแตกต่างว่า ลวดเส้นล่างคือนำฟลอร่าเทปมาพันรอบลวดจะออกมาดูหนากว่าลวดเส้นบนที่ใช้แปะฟลอร่าเทปลงไป  คือหลังจากติดกาวลาเท็กซ์  (ใช้ภาชนะใส่กาวที่บีบออกมาเป็นเส้นกาวเล็กๆได้ หรืออาจใส่ถุงเล็กๆทำเป็นกรวยตัดมุมถุงเป็นรูเล็กๆ) ดามลวดขาวแล้ว พอทิ้งไว้สักพักเมื่อลวดยึดติดดีแล้วก็นำกาวมาบีบบนเส้นลวด นำฟลอร่าเทปมาแปะ ให้เราใช้ขอบเล็บเซาะซอกซอนให้เทปหุ้มลวดให้มิดชิดที่สุด เสร็จแล้วนำคัตเตอร์ที่คมพอสมควรมากรีดตามร่องข้างลวดทั้งสองด้าน  ช่วงนี้ต้องลองฝึกดูเอานะคะเพราะต้องรู้น้ำหนักมือที่จะไม่บาดโดนเนื้อใบจนทะลุและต้องกรีดอย่างมั่นใจพอสมควรไม่ลังเลเพราะเทปอาจยู่ยี่ได้ค่ะ  อิอิ  เมื่อกรีดสองด้านเสร็จแล้วก็ลอกฟลอร่าเทปส่วนเกินทิ้งไปและใช้เล็บเรานี่ล่ะกดๆและซอกซอนให้เทปเข้าที่ดีกับลวด นำไปผึ่งให้แห้งดีต่อไป

ขั้นตอนดามลวดวิธีนี้ผู้เขียนใช้กับใบลักษณะยาวมากที่ยากต่อการคลึงดินหุ้มลวด  หากถ้าใบไม่ยาวมากก็จะใช้การคลึงดินหุ้มเหมือนเดิมค่ะภาพนี้เทียบความกลมกลืนของลวดขาวเส้นล่างแปะด้วยฟลอร่าเทปเขียว  กับลวดที่พันฟลอร่ารอบๆลวด ความหนาและสีจะต่างกัน

มีเวลาจะมาต่อด้วยเรื่อง…..

– การไม่ทำให้ดินที่ตัดด้วยพิมพ์ทำใบมาแล้วยืดตัวเกินสัดส่วนมากไป จะทำอย่างไร เนื่องจากใบที่มีลักษณะยาวยากแก่การประคับประคอง ….

– การสร้างลายเส้นบนใบจากหวีเสนียด ….

– การเข้าช่อที่มีจำนวนดอกน้อยให้เหมือนมีเยอะขึ้น ….

ก่อนดัดทรงช่อดูแฟบ

หลังดัดทรงช่อดูฟู

อื่นๆอีก เพิ่มเติมคราวต่อไปค่ะ

ซิมบิเดียมดินไทย

บานไม่รู้โรย

บานเอ๋ยบานตะไท ..เอ้อ บานทั้งวี่ทั้งวัน บานไม่รู้โรยจ้า

บานไม่รู้โรย

ดอกไม้ที่คงทนต่อวันเวลาชนิดหนึ่ง คือ บานไม่รู้โรย ดอกอื่นๆอำลาสังขารไปหมดแล้ว แต่บานไม่รู้โรย ช่างสมชื่อจริงๆ จะว่าไปบานไม่รู้โรยน่าจะเหมาะกับเรื่องความรักได้เหมือนกันนะ ถึงแม้ว่า มันจะไม่มีกลิ่นหอม รูปลักษณ์ก็สวยสู้บางดอกไม่ได้ แต่ความมั่นคงแข็งแรงถาวรของมัน ช่างเปรียบเหมือนดั่งความรักที่ยืนยาวและมั่นคงยิ่งนัก เขาจึงถูกนำมาเป็นสัญญลักษณ์สื่อความหมายดีดีบนหิ้งบูชา

บานไม่รู้โรย

บานไม่รู้โรย ชมพูอมแดง พอไปวัดได้ แต่อยากเห็นบานไม่รู้โรยสีแดง แดงจัดๆไม่ค่อยมีใครปลูก หายาก แต่สักวันจะปั้นมาแทนใจที่โหยหา

เทคนิคการปั้นดอกบานไม่รู้โรยตามความคิดเห็นส่วนตัวน่าจะอยู่ที่การให้ปริมาณเนื้อดินที่หนาเหมาะสมกับขนาดของตุ้มโฟมที่ใช้ภายใน และการใช้กรรไกรพิเศษที่ปากเล็กแหลมกว่าตามท้องตลาดทั่วๆไป แต่มักหาซื้อได้ตามร้านดอกไม้ประดิษฐ์โดยเฉพาะ ปากจะโค้งงอและการตัดทีละกริ๊บโดยหันกรรไกรด้านงอออกข้างนอก ทากาวที่ตุ้มโฟมและหุ้มดินที่ตุ้มโฟมจับๆให้กลมเนียนเสร็จแล้วก็คว่ำหัวลง ใช้กรรไกรโค้งตัดทีละกลีบบางๆแหลมๆจากฐานล่างดอกวนสับหว่างไปเรื่อยๆไปจนถึงยอดดอก ใครๆก็ทำได้สวยถ้าฝึกจนชำนาญค่ะ  แต่ในภาพนี่ยังใช้กรรไกรตลาดนัดทั่วๆไปอยู่เลยจึงยังดูหนาหากใช้กรรไกรปากเล็กกว่านี้เนื้อดอกจะฟูทันที

** 16 ก.ค. 55 อัพเดท  เพิ่งได้กรรไกรใหม่มา ชนิดปากตรงร้านสั่งลับคมบางพิเศษสำหรับงานแต่งกลีบดอกบานไม่รู้โรยโดยเฉพาะ ไว้มีเวลาจะถ่ายเปรียบเทียบระหว่าง งานกรรไกรปากโค้งแต่ไม่ได้ลับคม กับกรรไกรปากตรงแต่ลับคมบาง มาให้ชมว่าได้ผลต่างกันอย่างไรนะคะ **

** 25 ก.ค. 55 ภาพด้านล่างนี้เป็นการตัดด้วยกรรไกรปากตรงลับคมบางพิเศษ  อาจจะยังตัดไม่ค่อยเรียบร้อยนักเพราะทำคร่าวๆแค่พอออกมาดูความแตกต่าง และหลังจากตัดแล้วรอหมาดระยะนึงก็ทดลองเอาคีมปากแหลมแบนเล็กลองหนีบแต่ละกลีบดูเพื่อให้แบนขึ้นอีกนิดว่าหน้าตาจะออกมาอย่างไร ก็เป็นอย่างที่เห็น  และก็ได้เรียนรู้เพิ่มเติมว่า  การหุ้มดินที่ตุ้มโฟมแล้วทิ้งระยะไว้สักครึ่งชั่วโมงค่อยตัด กลีบจะออกมาเรียงระเบียบได้ดีกว่า เพราะถ้าหุ้มใหม่ๆตัดเลยก็ได้อยู่แต่ทำให้เราต้องเกร็งมือมากเพื่อประคองไม่ให้กลีบขาดหลุด  และการวางน้ำหนักกรรไกรก็มีส่วนอีก  คือ ตัดงับลงไปเฉยๆกับมีการดันกรรไกรเล็กน้อยตอนตัด จะได้มิติที่ต่างกันด้วย  แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนยอมแพ้ธรรมชาติ นั่นคือ  ยอดก้นหอยที่ด้านบนของดอก มือคนทำไม่สามารถตัดเรียงระเบียบจนเป็นยอดก้นหอยที่สวยงามเท่าธรรมชาติได้ การถ่ายภาพก็มีผลต่อสีของดอก ฉากหลังก็สำคัญ จะผิดเพี้ยนได้บ้าง ก็ประกอบด้วยปัจจัยหลายอย่าง  ทั้งแสง เงา ฉาก คุณภาพกล้อง  ในภาพเพิ่งเพ้นสีหมาดๆทำให้ยังมีความมันปรากฎอยู่มาก เพียงเพื่ออยากดูผลของการเปลี่ยนกรรไกรค่ะ **

กรรไกร 3 ชนิด

ตัดเสร็จใหม่ๆยังไม่แต่งกลีบเพิ่มเติม

แต่งสีคร่าวๆและลองใช้คีมบีบกลีบแบนๆเล็กน้อย

ลองสีแดงอมชมพูบ้าง ดูไปดูมาภาพใกล้ๆของบานไม่รู้โรยเหมือนสับปะรดเลย อิิอิ

ฉากหลังและแสงมีผลต่อสีของดอกที่ออกมา

แหะๆ อันนี้ยอมแพ้ธรรมชาติกับก้นหอยสวยๆบนยอดดอก ที่เราทำไม่สวยเท่า

อิอิ อันนี้ลักไก่ไปเด็ดยอดอ่อนใบกะเพรามาแปะเป็นใบเลี้ยงบานไม่รู้โรยเพื่อเข้าฉากก่อน พอดีอยู่ในขั้นทดลองขลิบดินในรูปแบบต่างๆว่าจะออกมาหน้าตาอย่างไร ยากหรือใช้เวลานานแค่ไหน กลีบลึก กลีบตื้น ซ้อนมาก ซ้อนน้อย กลีบเรียวเล็ก กลีบป้านใหญ่ ลองเพ้นท์สีนั้นตามด้วยสีนี้ว่าจะออกมาอย่างไร เรียกว่าลองกันมือหงิกสนุกสนาน  แต่ถ้าต้องทำขายสงสัยวันๆไม่ทันกินแน่ คนทำขายแบบเยอะๆคงต้องทำอีกแบบที่เน้นแค่พอดูเป็นดอกฟูสวย ไม่ต้องเน้นเหมือนจริงๆมากๆ

สองดอกนี้เป็นการทดลอง( อีกแล้วครับท่าน ) สังเกตุดีดี ดอกซ้ายมือต่างจากดอกขวามืออย่างไรเอ่ย ทั้งที่ดินขาวใส่สีน้ำมันเบอร์ 45 เล็กน้อยเหมือนกัน แต่มิติภายใน ไม่เหมือนกัน  บอกใบ้…มีสีอื่นมาเกี่ยวข้องแต่ไม่ได้เกิดจากการเพ้นท์  ทายถูกมีติ๊บ อิอิ

ส่วนดอกนี้อย่าเ้น้นดูสีเพราะใช้พู่กันที่ผสมสีมาหลายแล้วเอามาเพ้นท์พอเป็นพิธี แต่ให้ดูการตัดที่กลีบดอกเรียวเล็กขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง ซึ่งก็ใกล้เคียงกับรูปแบบที่เขาตัดขายส่งกันเพราะไม่ต้องขลิบให้ถี่มากๆ

มะลิซ้อน ดินไทย

 

กุหลาบ ดินไทย

   

กุหลาบดินไทยแบบบานเยินๆหน่อยนะ อิอิ ก็คนมันยังทำ  ไม่ค่อยเก่งอ่านะ

 

กุหลาบดินไทย

กุหลาบดินไทย

——

กุหลาบเล็กปั้นด้วยมือล้วนไม่ใช้พิมพ์ตัดดอก

ุ

กุหลาบ ได้ชื่อว่าเป็นราชินีแห่งดอกไม้ เป็นสัญญลักษณ์แทนความรัก ความปรารถนาดี ต่อกัน กุหลาบ สวยทั้งรูป หอมทั้งกลิ่น ขาดแต่เพียงความคงทนถาวร ไม่มีอะไรอยู่เหนือกาลเวลาไปได้ ถึงเวลานึงก็ต้องเหี่ยวเฉาจากเราไป  หากอยากให้ตัวแทนแห่งความทรงจำนี้ ยังคงอยู่นานมากหน่อย  ขอเพียงเราตั้งใจทำมันขึ้นมาใหม่ กับมือของเราเอง ถึงแม้ว่าดอกไม้ที่เราทำ จะสวยมากหรือสวยน้อยหรืออาจไม่สวยเท่าของจริง  แต่ถ้าให้คิดระหว่าง  กุหลาบที่เราเพียงจ่ายเงินซื้อหามาแล้วให้คนห่อโบว์ให้ แล้วไปยื่นให้ใคร แล้วบอกว่า  อ่ะ…ตัวเอง..ของฝากแทนใจเรานะ…

กับถ้าหากเราปั้นมันขึ้นมากับมือ  ตั้งใจทำข้ามวันข้ามคืนก็ตาม แล้วนำไปมอบให้คนที่เรารัก  แม้ไม่ต้องพูดสักคำว่า  กุหลาบนั้นมาจากไหน เพียงคำว่า  “เราตั้งใจทำมากับมือเลยนะ”  ผู้รับคงมีความสุขกว่าหลายเท่า…จริงไหม

กุหลาบที่ปั้นออกมา มุมถ่ายภาพก็มีส่วนสำคัญ คือพอถ่ายด้านข้างกับถ่ายด้านหน้าดอกตรงๆ อาจดูเหมือนคนละดอก หรือบางทีบางดอกเยินๆถ่ายด้านข้างกลับดูดีกว่าถ่ายหน้าตรง อิอิ  ก็เหมือนหน้าคนเราอ่ะล่ะ มีมุมดูดีมุมดูไม่สวยเลย

วิธีการทำ ดอกกุหลาบดินไทย….

เทคนิคเล็กๆที่ส่งผล….

ไว้ว่างจะมาบอกเล่ากันต่อนะจ๊ะ..

งานทำมือของขวัญของฝาก

งาน diy มอบแด่คนรักธรรมชาติด้วยการเลียนแบบธรรมชาติจากสองมือเพื่อเป็นของแทนใจ อยู่ได้ยาวนานกว่าของจริง มอบสิ่งดีดีแก่กันในช่วงเทศกาล เห็นทีไรจะได้ระลึกถึงกันค่ะ

 

Name(ต้องการ)

Email(ต้องการ)

Website

Comment(ต้องการ)

ส่ง

Δ