พื้นที่แห่งการแบ่งปัน สังคมแห่งการเรียนรู้ไปด้วยกัน แลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน เรียนรู้ไม่สิ้นสุด ผิดบ้าง ถูกบ้าง คิดเองบ้าง ต่อยอดจากผู้ให้ท่านอื่นบ้าง เป็นผู้ให้บ้าง เป็นผู้รับบ้าง คือการให้ซึ่งกันและกัน อาจไม่รู้ไม่ชำนาญไปเสียทุกอย่าง และเชื่อว่ายังมีคนเก่งอีกมากในมุมใดๆของโลกใบนี้ที่รังสรรค์ผลงานออกมาได้อย่างสุดยอดฝีมือ สร้างแรงบันดาลใจให้หลายๆคนอยากได้ลองทำได้แบบท่านเหล่านั้นบ้าง ..ประสบการณ์ผู้เขียนยังน้อยมากๆ ได้แต่ชื่นชมครูอาจารย์เหล่านั้น ทึ่งในความสามารถ และได้เรียนรู้ต่อยอดมาลองทำงานของตัวในบางครั้งบ้าง..
ขอบคุณทุกท่าน ทุกชาติ ทุกภาษา ที่ได้ให้ความรู้เป็นวิทยาทานในสื่อต่างๆ แม้จะไม่เป็นที่เปิดเผยลงลึกในบางครั้ง แต่วิทยาทานท่านเหล่านั้นสามารถนำมาปรับใช้เพื่อพัฒนางานฝีมือตนเองให้ดียิ่งขึ้น ก็ขอขอบคุณท่านเหล่านั้นด้วยใจ มา ณ ที่นี้ 🙏
My YouTube channel
สวัสดีจ้า หน้าแรกของคนหัดทำเวปบล็อก ขี้เหร่อย่างไรอภัยกันนะคะ เวปบล็อกของคนไม่ค่อยยึดติดเพราะเปลี่ยนหน้าตาบ่อยมาก อิอิ ที่มาของชื่อบล็อก ตอนแรกก็คิดวนๆอยู่กับคำที่เกี่ยวกับ ดิน ดอกไม้ งานทำมือ นึกถึงบรรดาดอกกล้วยไม้เสียเป็นส่วนใหญ่ เพราะกล้วยไม้เป็นดอกไม้ที่ออกดอกยากกว่าจะได้เห็นสักช่อบางทีใช้เวลาเป็นปี คล้ายกับงานทำมือที่กว่าจะออกมาสักต้นก็ใช้เวลาพอสมควรสำหรับงานที่ต้องพิถีพิถันหรืออลังการงานสร้างเป็นพิเศษ จนไปๆมาๆก็นึกไปถึงดอกไม้ชนิดนึงที่ก็ไม่ค่อยออกดอกบ่อยๆให้เห็นทุกเดือน และก็มีคำว่าดินอยู่ด้วย ก็คือ บัวดิน ก็เลยไม่อยากคิดไรมากละ จับคำว่า Clay มาบวกกับ Waterlily เป็น Claywaterlily ซะเลย และการตั้งชื่อเป็นภาษาอังกฤษ ก็เพราะต้องการให้มีคำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดินประดิษฐ์ติดอยู่ในชื่อด้วย เผื่อคนจากที่อื่นใช้ภาษาอื่นในการค้นหาจะได้พบเจอและแลกเปลี่ยนความรู้กันได้ ..ก็คงแค่นี้ค่ะ
ดอกดาวเรือง ( Marigold Clay Flower ) ดินไทยธรรมดาๆ
#ปั้นดอกดาวเรือง #ทำดอกดาวเรือง #ดอกดาวเรืองปลอม #ดอกดาวเรืองดินไทย #ดอกดาวเรืองแฮนด์เมด #marigoldclayflower #marigoldclayhandmade
เทคนิคเล็กๆที่อาจไม่เล็ก
ในระหว่างที่ยังไม่ว่างทำเป็นแบบวีดิโอให้ดู ใช้การอธิบายไปก่อนค่ะ จะนึกภาพออกไหมน้อ
– การกลิ้งปลายเหล็กคลึงไปซ้ายขวา กับการลากปลายเหล็กคลึงไปซ้ายขวาโดยไม่กลิ้ง ให้ผลไม่เหมือนกัน ถ้าต้องการให้เนื้อดินบานออกและบางลงเป็นย้วยเหมือนกระโปรงก็กลิ้งๆปลายเหล็กคลึง แต่ถ้าต้องการให้มีการงอโค้ง งองุ้ม กระดก ให้รูปทรงกลีบต้องลากปลายเหล็กคลึงไปซ้ายไปขวาเล็กน้อยนิดนึงโดยไม่ใช่การกลิ้ง และไม่ต้องกดหนัก นึกถึงการทำกลีบบัวก็ได้จะประมาณนั้น ในที่นี้ ถ้าพูดถึงการทำกลีบดาวเรืองจะเห็นชัดขั้นตอนที่ทำกลีบในแกนกลางสุด ที่เมื่อเราใช้ปลายเหล็กคลึงกลิ้งเพื่อให้กลีบที่ตัดๆๆนั้นบางลงเล็กน้อยแล้ว ก็หยุดกลิ้งแล้วลากปลายเหล็กแหลมไปซ้ายขวา กลีบจะงอขอดเข้ามาเหมือนท่อครึ่งวงกลม และตอนที่จะคลึงส่วนโคนกลีบชั้นนอกๆออกมาก็ใช้วิธีการแบบนี้เช่นกัน โคนกลีบจึงออกค้อมๆเป็นเหมือนท่อครึ่งวงกลมน่ะค่ะ แต่ถ้าไปใช้การกดน้ำหนักแล้วใช้กลิ้งปลายเหล็กเนื้อดินมันจะยิ่งบานบางลงในส่วนที่เราไม่ต้องการให้มันบานนัก เพราะโคนกลีบต้องการความแข็งกว่าปลายๆบางๆของมัน ..นี่ก็เป็นอีกหนึ่งทักษะเล็กๆที่บางท่านที่ไม่ทราบก็จะได้ไปลองทำดูจะเห็นข้อแตกต่างค่ะ
– เหล็กคลึงหัวเหลี่ยมช่วยเพิ่มรอยหยักย่นของกลีบดอกแต่ละกลีบ เวลาตัดพิมพ์กลีบดอก ไม่ต้องทิ้งหมาดในขั้นตอนนี้ แกะกลีบมาวางบนปลายนิ้วกลาง กลิ้งเหล็กคลึงหัวเหลี่ยมในองศาที่ไม่ให้ปลายแหลมเจาะโดนกลีบ นึกภาพเวลาใบปัดน้ำฝนหน้ากระจกรถยนต์ปัดแบบไหน ให้กลิ้งแบบนั้นเลยค่ะ คือให้ปลายเหล็กชี้กลางๆกลีบไว้แล้วกลิ้ง ไปซ้ายไปขวาเป็นแนวครึ่งวงกลม ประมาณเหมือนเราใช้วงเวียนก็ได้ ถ้าจะพอนึกภาพให้ออก กลิ้งตอนที่ดินยังไม่หมาดเพื่อให้มีรอยหยักๆ แล้วค่อยเอาปลายเหล็กคลึงแบบไม่มีเหลี่ยม มาพลิ้วปลายกลีบดอกอีกทีให้ย้วยๆ ..การใช้ปลายเหล็กเหลี่ยมช่วยเพิ่มรอยย่นหยัก เวลาเข้าดอกออกมาจะต่างกับดอกที่ไม่ใช้เหล็กเหลี่ยมนิดนึง มันจะดูนุ่มๆฟูๆให้ความรู้สึกกว่า กลีบที่ออกเรียบๆมันๆค่ะแบบนั้นจะเหมือนดอกที่กลีบแข็งทื่อหรือดูคล้ายพลาสติกไปนิดนึง
ดอกมะลิดินไทย ดอกมะลิวันแม่ ดอกมะลิงานปั้น
ดอกกล้วยไม้หวายทำจากดินไทย Dendrobium handmade clay orchid ไม่ผสมดินญี่ปุ่น และการทำบล็อกพิมพ์ซิลิโคนสำหรับดอกตูมอย่างง่ายๆเพื่อใช้เอง แก้ขัดเมื่อไม่มีซิลิโคนพุตตี้ใช้
การทำใบ
การทำใบนั้น หลังจากรีดดิน กดพิมพ์ กดลายใบเสร็จแล้ว ก็ลอกมาวางที่แผ่นพับที่ไม่ติดเนื้อดิน วางกลางใบให้ตรงสันพับแล้วดามลวดขนาดเล็กที่ไม่แข็งเกินไปนักด้วยการกดฝังลงไปกลางใบให้ลวดจมลงไปในเนื้อดิน ชุบกาวแค่พอเคลือบอย่าเยิ้มไป พับใบให้เนื้อดินตรงกลางนั้นบีบเข้าหากันจนปิดลวดมิด ผึ่งไว้สักครูก่อน ค่อยนำมาจัดรูปร่าง ด้วยการบีบๆกลางหลังใบหากยังเห็นลวดดามโผล่ บีบให้ดินติดกัน และค่อยๆดัดแอ่นใบเล็กน้อยก่อนจะแข็งแล้วดัดยากขึ้น ส่วนการเข้าใบกับลำต้น ถ้าใช้พิมพ์ตัดใบบางรุ่นเขาจะไม่มีพื้นที่เผื่อฐานใบเวลาติดใบโอบกับลำต้น จึงต้องตัดโคนใบส่วนนึงตามภาพ เพื่อเวลาติดกาวลงไป ใบจะโอบกระชับกับลำต้นได้ทรงดูดีกว่าใบที่ไม่บากที่โคนแล้วติดลงไปทื่อๆ
การทำลำต้น
หลังจากติดใบสองใบด้านบน ก็พอกดินทำต้นเป็นทรงลำลูกกล้วยหรือช่วงบนเรียวเล็กหน่อย ช่วงล่างลงมาค่อยๆใหญ่ขึ้น ทิ้งดินหมาดสักหลายชั่วโมงหน่อย ค่อยมาทยอยติดใบลงมาทีละปล้องเว้นระยะห่างพอควรตามจริง รีดดินผสมสีขาว บางๆเพื่อทำกาบใบ (leaf sheath) ติดกาบใบทีละปล้อง ติดแล้วก็ตามด้วยใบชั้นถัดลงมา แล้วก็ติดกาบใบอีก แล้วก็ติดใบถัดลงมา ตามจำนวนพอสมควรที่ต้องการ และอย่าลืมกดลายริ้วให้กาบใบด้วยก่อนดินทำกาบจะแห้ง กรีดหรือกลิ้งเป็นริ้วๆตามภาพด้านบน ..ติดกาบทีนึงก็ค่อยตามด้วยติดใบทีนึงไล่ลงมาจนก่อนจะถึงรากก็ไม่ต้องติดใบแล้ว หลังจากดินแห้งดีก็ทยอยมาแต่งสีตามกาบใบ อาจใช้สีน้ำตาลเป็นสีน้ำมันเบอร์2หรือ3 แต้มๆตามกาบใบให้ดูมีความใกล้เคียงที่ธรรมชาติเขามีริ้วมีรอยบ้าง
ทำลายกาบใบ
การทำลายบนกาบใบนั้น ก็แล้วแต่ว่า บางท่านเอาทำแค่พอเป็นริ้วเป็นลายด้วยการ อาจใช้เหล็กคลึงกรีดร่องๆ อาจใช้ลูกกลิ้งคมๆกลิ้งในตอนที่เพิ่งพอกดินเสร็จใหม่ๆ แต่สองวิธีนี้ลายที่ออกมาจะค่อนข้างใหญ่
มีอีกแบบที่จะให้ริ้วลายบนกาบใบละเอียดเล็กลงเป็นเส้นๆ ก็คือ เมื่อพอกกาบใบให้แห้งใหม่ๆแล้วโดยไม่ได้กรีดร่องๆ ก็ให้เอาน้ำสะอาดมาลูบๆกาบใบอีกครั้งให้อ่อนตัวลงนิดนึงแล้วกดร่องลายด้วยลูกกลิ้งคมๆหน่อย พอแห้งอีกครั้ง ค่อยมาแต่งสีให้ติดริ้วด้วยการใช้ด้านข้างของพู่กันป้ายๆตามริ้วบางๆ ไม่ต้องเพ้นจิ้มๆ
ด้านล่างนี้คือตัวอย่างชิ้นงานเล็กๆที่พอจะเอาซิลิโคนยาแนวที่เหลือใช้มาทำประโยชน์ ในบางกรณี ไม่ทุกกรณี ในภาพคือปากดอกแวนด้า
พิมพ์รุ่นเก่าๆบางแบบจะไม่มีอีกชิ้นที่ใช้ประกบกัน บางทีถ้าเรามีซิลิโคนยาแนวเหลือใช้ ก็มาหล่อทำอีกชิ้นที่ใช้ประกบลายได้ จะทำให้ได้ลวดลายชัดขึ้นหน่อยกว่าไม่มีอีกชิ้นประกบ แต่ต้องทาออยหรือพอนด์เคลือบพิมพ์ก่อน ไม่งั้นซิลิโคนใหม่อาจติดเนื้อพิมพ์เดิมได้ เวลาแห้งแล้วค่อยๆใจเย็นๆแกะอย่าใจร้อน มันจะไม่ติดเนื้อเดิมหรือฉีกขาด งานชิ้นเล็กๆ หรือพวกดอกตูมจึงทำลักษณะนี้พอได้ แก้ขัด
การทาสีที่แป้นพิมพ์ปั๊มแล้วปั๊มลายบนดินบางทีก็ไม่ได้ดั่งใจนัก สีเลอะบ้าง ไม่สม่ำเสมอบ้าง ติดบางส่วนไม่ค่อยติดบางส่วน จึงต้องลองปั๊มลายมาอีกชิ้นเพื่อให้เป็นชิ้นที่จะเกิดเส้นนูนตามลาย ไม่ใช่ร่องจมตามลาย ถึงจะนำมาเกลี่ยสีให้เป็นลายเส้นได้ ด้วยการนำสีป้ายที่นิ้วแล้วค่อยแตะๆก่อน ไล่ไปตามลายอย่าทาสีเยิ้มไป เส้นลายจะได้ค่อนข้างสม่ำเสมอ และทำในขณะดินยังหมาด จะให้ความรู้สึกของสีที่ซึมเนื้อดินลงไปมากกว่า บวกกับเมื่อได้แตะๆด้วยแป้งละเอียดลงไปอีกที สีจะไม่เลอะ และประกอบงานต่อเนื่องได้ทันทีไม่ต้องเสียเวลารอสีแห้ง ส่วนถ้าประกอบแล้วจะแต่งแต้มเพิ่มเติมก็ย่อมทำได้อีก